วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

จับกระแสปฏิวัติซ้อน เพราะอะไร? โดยใคร? เพื่อใคร?

ข่าวเสรีชน



จาก สถานการณ์ที่กำลังเป็นประเด็น เลยหยิบยกมาพูดคุย กับคำถามหนาหูในเวลานี้ "ปฏิวัติซ้อน" หากเท้าความไปช่วงก่อนยึดอำนาจ ประยุทธ์มักย้ำอยู่เสมอว่าจะไม่มีการปฏิวัตแน่นอน จนดูเหมือนว่าสิ่งที่เหล่เคยพูดไว้ทำให้คนคลายสงสัย แต่แล้วเหล่เองต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อ 22 พ.ค.2557 ได้ทำการฉีกรัฐธรรมนูญอีกครั้ง แต่จะด้วยเพราะคำสั่งของใครที่ไฟเขียวต่องานนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ประจักต่อสายตาคนทั่วโลกแล้วว่า ประยุทธ์พร้อมทั้งคณะได้ทำการยึดอำนาจจากประชาชนอีกครั้ง เป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของโลก การยึดอำนาจครั้งนี้มิใช่การยึดอำนาจมาจากรัฐบาลของยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด เพราะรัฐบาลได้ประกาศยุบสภาแล้ว เป็นเพียงผู้รักษาการแทนเท่านั้น

เหตุปัจจัยหลักของการยึดอำนาจนั้นมาจากความต้องการรวบอำนาจไว้กับตัวเอง เพื่อรับกับการเปลี่ยนผ่านที่กำลังมาถึง นั่นคือวาระแห่งการดับสิ้นของกษัตริย์ภูมิพล เมื่อถึงตอนนั้นต้องหาผู้ที่เหมาะสมขึ้นมาแทนกษัตริย์องค์เก่า หรืออีกเหตุผลหนึ่ง อาจนำไปสู่การเปลี่ยนระบอบใหม่ก็เป็นได้ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั้นก็คือ อำนาจตอนนี้ตกอยู่กับคณะยึดอำนาจและคณะองคมนตรี ส่วนสถาบันไม่ต้องพูดถึง เพราะหมดอำนาจจากการยึดอำนาจในครั้งนี้ แต่สิ่งที่ยังเห็นว่ามีการแต่งตั้งคนนั้นคนนี้ เป็นเพียงระบบจารีตปฏิบัติกันเท่านั้นเพื่อให้เกิดความชอบธรรม โดยการกระทำทุกอย่าง มีผู้รับสนองเรื่องอย่างเป็นระบบ การยึดอำนาจครั้งนี้ถึงแม้ไม่อาจรวบอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ก็ยังดูว่าพวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ได้พอสมควร จากการตรึงกฎอัยการศึกไว้โดยไม่มีกำหนดยกเลิก เป็นการสกัดกั้นฝ่ายตรงข้ามที่จ้องจะเล่นงานพวกเขา และสามารถจัดการกับฝ่ายตรงข้ามได้โดยตรง แต่สิ่งที่พวกเขากระทำการในครั้งนี้ ส่งผลให้ฝ่ายประชาธิปไตยตื่นตัวมากถึงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีการโจมตีกันอย่างหนักทางโลกไซเบอร์ ทั้งในและนอกประเทศอย่างเป็นระบบ และดูเหมือนจะชิงความได้เปรียบในสมรภูมินี้ มีการปิดและบล็อคทั้งเว็บไซด์ เฟสบุ๊ค และปล่อยข่าวลวงออกมาเป็นระยะเพื่อสกัดกั้นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ดูเหมือนว่ายิ่งปิดก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ เป็นปัญหาใหญ่กับคณะยึดอำนาจในครั้งนี้ พร้อมกับระบบเศรษฐกิจที่ดำดิ่งลงเรื่อยๆ แต่เรามาวิเคราะห์ดูว่า จากข่าว การปฏิวัติซ้อน ที่กำลังเป็นประเด็นในตอนนี้ว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด เพราะมีรายละเอียดพอสมควร แต่หากมองตามสภาพเป็นจริงอาจเป็นไปได้ว่า หากปฏิวัติจริง ก็เพื่อหาทางลง แต่ก็เป็นการยึดอำนาจตัวเอง เพียงแต่ว่า หากเป็นการยึดอำนาจจากอีกฝ่าย นี่ยังเป็นคำถามว่า ยึดแล้วจะยึดให้ใคร มีเหตุผลอะไร...ซึ่งไม่ว่าใครที่จะยึดอำนาจต่างส่งผลเสียต่อประเทศชาติอย่าง รุนแรง หรือเป็นเพียงการปล่อยข่าวเพื่อเบี่ยงประเด็น ซึ่งจะจริงหรือเท็จ คำตอบมันรอเราอยู่



แต่สิ่งที่ผู้เขียนได้ลองวิเคราะห์ดู จะถูกหรือไม่ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ .....เหตุผลของคณะยึดอำนาจ ทำการยึดอำนาจในครั้งนี้ก็คือรวบอำนาจไว้กับตัวเอง กับช่วงปลายราชการ ซึ่งหากศึกษาจากประวัติศาสตร์ก็มักจะเกิดเหตุอย่างนี้เป็นประจำ เพียงแต่ล่ะยุคแต่ล่ะสมัยมีการปกครองในระบอบหรือระบบที่ต่างกัน ซึ่งในปัจจุบันก็เช่นกัน เมื่อรัฐธรรมนูญถูกทำลายลง อำนาจทุกอย่างจึงตกอยู่กับคณะยึดอำนาจ สังเกตจากมาตราที่ 44 ที่ให้อำนาจมากมาย หรือจะพูดว่า องค์รัฐฐาธิปัตย์ก็ย่อมได้ แล้วมาวิเคราะห์ต่อถึงอำนาจที่มีจะสามารถกำหนดแนวทางหรือสามารถเปลี่ยนระบอบ ได้หรือไม่ เรื่องนี้น่าคิด แต่หากจะเปลี่ยน..จะเปลี่ยนเป็นระบอบอะไร แต่หัวใจสำคัญของระบอบนั้นคือผู้นำหรือประมุขนั่นเอง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่คุยกันมานาน และจะกินเวลาตลอดปี 2558 แน่นอน พร้อมๆกับการร่างรัฐธรรมนูญ คำถามต่อไปคือ เมื่อคณะยึดอำนาจได้กุมอำนาจไว้ในมืออย่างเข้มแข็ง การจะนำทางประเทศไปสู่ทิศทางไหนย่อมจะทำได้ไม่ยาก ..แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่พวกเขาจะลงจาอำนาจง่ายๆหรือจะยอมให้อีกฝ่ายเข้า จัดการตัวเองได้อย่างไร ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่า ระบอบเผด็จการทหารแม้จะอยู่ใต้แทบเท้าภูมิพลมาหลายทศวรรษ หลังสิ้นยุค จอมพล ป. สฤษดิ์ ถนอม ประภาส เรื่อยมาจนถึงยุคประวิตร ประยุทธ์ พวกเขาอาจต้องการฟื้นฟูเผด็จการทหารขึ้นมาเหนือกษัตริย์ก็เป็นได้ หรืออาจจะไม่มีสถาบันต่อไปก็เป็นได้ จากความไม่เหมาะสมของทายาท หรือเรื่องฉาวๆที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งเป็นประเด็นสาธารณะไปแล้ว สำหรับการสรรหาผู้ที่จะขึ้นเป็น ร.10 มิใช่เรื่องของครอบครัวหรือคณะที่เกี่ยวข้องเท่านั้นอีกต่อไป ช่วยกันคิดนะครับ ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องจะจบหรืออาจบานปลายอย่างไร

เอาไว้โอกาสต่อไป จะชวนคุยเรื่องความชอบธรรมของสองพี่น้อง ว่าดีพอที่จะขึ้นหรือไม่ รวมถึงเปรมขันทีเฒ่าผู้ทะเยอทะยานอย่างไร






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น