วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557
เงื่อนงำ "จับแก๊งค์ตำรวจใหญ่" แผนกำจัด "หม่อมศรีรัศม์" หรือทฤษฎีแย่งราชบัลลังค์ "ฟ้าชาย-พระเทพ" ?
************************************************************
คุณจรรยา ยิ้มประเสริฐ นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในต่างประเทศ ได้เขียนเฟสต์บุ๊ค ถึงคดีใหญ่การจับกุมนายตำรวจใหญ่ในข้อหา 112 ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่า เรื่องนี้เป็นความขัดแย้งระหว่าง สมเด็จพระบรมฯ กับ หม่อมศรีรัศม์ หรือ โดยคุณจรรยา ได้เขียนวิเคราะห์ไว้ดังนี้ "ผมคิดว่าถ้าคดีใหญ่ในช่วงนี้คือคดีจับตำรวจที่ถ้าของกลางและข้อกล่าวหาของ ผบ.ตร. เป็นข้อเท็จจริงๆ ก็จะเป็นการจับกุมการคอรัปชั่นในแวดวงตำรวจที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และมันจะเปิดเผยขบวนการคอรัปชั่นในหมู่ตำรวจครั้งใหญ่ การอ้างถึงกลุ่มตำรวจเหล่านี้ถึงความสัมพันธ์กับหม่อมศรีรัศม์ ว่า เป็นแผนการกำจัด "หม่อม" อีกคนของฟ้าชาย ตามที่พูดถึงกันอยู่นี้ ผมก็มีข้อกังขาอยู่อย่างน้อย 4 ประเด็นในเรื่องนี้คือ
1. ถ้าเป็นแค่ยุทธวิธีกำจัดหม่อมที่ไม่เป็นที่พอใจของราชสำนัก เพื่อการขึ้นครองราชย์ เช่นเดียวกับการกำจัดหม่อมคนเก่าและลูกชายถึง 4 คน เพราะราชสำนักไม่พอใจ เพียงเพื่อให้ได้ขึ้นครองราชย์นั้น ก็ยังไม่สมเหตุสมผล เพราะในวิธีการนี้ ฟ้าชายก็จะเสียงชื่อเสียงไปด้วย ทั้งในสายตาคนไทยและในสายตานานาชาติ ประเด็นหลักเลยคือ การไม่เป็นสุภาพบุรุษ จะเลิกกับเมียทั้งที ต้องทำลายชื่อเสียงเมียเสียย่อยยับขนาดนี้ และในคดีใหญ่แบบนี้ด้วย ยังไงๆ ถ้า ฟ้าชาย ทำวิธีการนี้ จะเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง และฟ้าชายก็คงจะไม่โง่พอ ที่จะเลือกเล่นยุทธวิธีนี้ในการจัดการกับหม่อมตัวเองอีกครั้ง
2. ดังที่กล่าวไปแล้ว คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ผูกพันถึงผลประโยชน์ของชาติจำนวนมหาศาล และจะมีคนเฝ้าจับตาการเคลื่อนไหวของคดีนี้เป็นอย่างมาก ทั้งไทยและเทศ การลดทอนความสำคัญของคดีใหญ่เช่นนี้ มาเล่นกันในเรื่องส่วนตัว "ผัว-เมีย" จึงไม่มีน้ำหนักพอ และน่าจะมีเงื่อนงำอะไรที่ควรเซาะหาคำตอบกันมากขึ้น
3. ทฤษฎี "ฟ้าชาย-พระเทพ" ขัดแย้งกัน โดย พระเทพ ประสงค์จะทำลายเครดิต ฟ้าชาย เพื่อให้ได้ขึ้นสู่อำนาจ ดูจะเป็นทฤษฎีที่ฟังได้มากกว่าที่จะเป็นทฤษฎี "ผัวเมีย" เพราะเห็นว่าไม่ยากเลย ที่จะทำลายเครดิต ฟ้าชายด้วยเรื่องเหล่านี้ ที่ผ่านมาเรื่องอื้อฉาวของฟ้าชายทั้งเรื่องเงินๆ ทองๆ และการพนัน ก็มีมาให้เห็นอยู่เนืองๆ ในขณะที่ค่าย พระเทพ นั้น ไม่ค่อยมีเรื่องเหล่านี้ออกมาสู่สาธารณชนเลย
แต่แน่นอน ในทฤษฎีนี้ ก็เท่ากับเดิมพันกันด้วยชื่อเสียง และความเสียหายของราชสำนักที่สูงมาก แต่อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของราชสำนักไทย นั้นเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ และมัวหมองไปกับข่าวลือเรื่องค้ายาเสพติด และรับเงินสาธารณะเพื่อการส่วนตัว มาอย่างต่อเนื่อง และแม้แต่พระเทพที่ไม่มัวหมองต่อเรื่องความฟุ่มเฟื่อย ก็มัวหมองในเรื่องการเข้าข้างรอยัลลิสต์ทำการล้มรัฐบาลประชาธิปไตย จนทำให้เกิดการวิจารณ์กันมากขึ้น
ดังนั้น ถ้าเป็นการห่ำหั่นกันของสองขั้วอำนาจในราชสำนัก กรณีนี้ก็อีกเช่นกัน "เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง"
4. ถ้าตำรวจต้องการจะกวาดล้างบาง "ใหญ่แค่ไหนก็จับจริงๆ" โดยไม่มีการเมืองแอบแฝง เพื่อใช้กรณีนี้กู้ชื่อเสียงตำรวจที่มัวหมอง ก็ถือว่าตำรวจลงทุนสูง เพราะสังคมเห็นและเชื่อกันมาโดยตลอดว่า ตำรวจ ไม้เว้นแม้แต่ ผบ. ตร. คนปัจจุบัน ต่างก็คอรัปชั่นกันทั้งนั้น ดังนั้นการจัดการ "ตำรวจคอรัปชั่นกลุ่มหนึ่ง" เพื่อล้างคราบสกปรกในแวดวงตำรวจไปบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ถือเป็นปฏิบัติการใหญ่ที่สุด ที่แวดวงตำรวจเคยกระทำมา ... ซึ่งสังคมก็ไม่แน่ใจว่า ตำรวจจะกล้า ทำเรื่องนี้ตามลำพัง โดยไม่มีไฟเขียวจากขั้วอำนาจในสังคมไทย
นี่เป็นประเด็นข้อสงสัยของผม ผมก็ไม่รู้ข้อเท็จจริงเช่นกัน
ก็ได้แต่รอดูสถานการณ์ และคิดว่า ไม่ว่าผลมันจะออกมาอย่างไร งานนี้เป็นอีกหนึ่งคดีประวัติศาสตร์ไทย ที่จะช่วยทำให้คนไทยตาสว่างขึ้นครั้งครับ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ประชาชนคนไทยน่าจะได้ประโยชน์จากการสาวลึกขึ้นเรื่อยๆ ของคดี!
ผุ้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ คุณจรรยา ได้โพลส์ข้อความดังกล่าวแล้ว อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ก็ได้โพสต์แสดงความเห็นต่อท้ายไว้ด้วยว่า"ข้อสังเกตุข้อที่ 3 เป็นเรื่องทีอยากจะเขียนถึง แต่ไม่มีเวลา แต่เอาเป็นว่า ผมไม่ค่อยคิดว่า มีหลักฐานว่า สองพระองค์ขัดแย้งกันโดยตรง อันนี้ไม่ได้แปลว่าคนรอบข้างจะไม่มีความขัดแย้ง หรือพยายามบ่อนทำลายคนที่เขาคิดว่าเป็น คู่แข๋ง ของ เจ้านาย เขาหรือไม่ แต่อันนี้ เท่าที่ศึกษาและคิดประเมินแล้ว ผมก็ว่า ยังห่างจากการมีหลักฐานไม่ว่าโดยตรง หรือแวดล้อมให้คิด คือหากเจ้านายเองไม่ได้มีความขัดแย้งกันโดยตรง โอกาสที่จะมีคนรอบยข้างมีความพยายามสร้างความขัดแย้ง หรือเล่นงาน ก็ยากตามไปด้วย โดยสรุปคือผมคิดว่า ไอเดียเรื่องสองพระองค์ขัดแย้งกันเป็นอะไรที่คิด และขยายความกันไปเสียมากกว่า"
ขณะที่ คุณจรรยา ยังได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เพิ่มเติม ผ่านเฟสต์บุ๊คของตัวเองด้วยว่า "ผมไม่เชียร์ใครทั้งนั้นฮะ ไม่ว่าฟ้าชายหรือพระเทพ ผมว่าสถาบันกษัตริย์ไทยได้ทำลายตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ในการที่ไม่ยอมพัฒนาตัวเอง รวมทั้งไม่ได้พยายามปรับปรุงตัวใดๆ เลย เพื่อจะทำตัวเป็นแบบอย่างของคนที่ควรจะเป็น "กษัตริย์" หรือ "ราชินี"
ที่สมควรได้รับการยกย่องชื่นชม ประเทศไทยจะเดินหน้าได้ต้องทำให้คนทั้งประเทศเคารพหลักการ "ประชาธิปไตย"โดยไม่จำเป็นต้องมีสถาบันกษัตริย์ ที่มีหน้าทีเดียวในตอนนี้ คือ เพื่อให้ทหารและคนกลุ่มหนึ่งใช้อ้าง "เหยียบหัวและเข่นฆ่า" คนร่วมชาติ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น