วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชมคลิปประวัติศาสตร์ในยุคเผด็จการไทยปลายรัชกาลที่9กับต้นรัชกาลที่10


พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยมีจิตใจเทอดทูนเสรีภาพถึงที่สุดไม่ยอมก้มหัวให้แก่อำนาจเผด็จการ พวกเขาได้แสดงการขัดขืนอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบน่านับถือน้ำใจจริงๆ ดูคลิปงานกฐินในภาวะที่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อดำแล้วผู้รักประชาธิปไตยต้องตบมือให้...และคลิปนี้ต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยของประชาชนและประดับไว้ในหอเกียรติยศของประชาชนในอนาคตอย่างแน่นอน


วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ความขัดแย้งในรพ.ศิริราช,ปะทุที่หมอนิพนธ์ (คลิป)


คนในโรงพยาบาลศิริราชกำลังวุ่นวายกับเรื่องของนายแพทย์นิพนธ์ ที่ถูกรอง คณบดี คณะแพทยศาสตร์ ม.มหิดล คนรุ่นหลังกำลังทำให้เป็นเรื่องใหญ่ต่อกรณีที่หมอนิพนธ์ออกคลิปโชว์ความภูมิใจที่ตนได้เป็นแพทย์ผู้ถวายการรักษาการประชวรของในหลวง,โดยนำเรื่องพระอาการก่อนในหลวงสิ้นพระชนม์ไปเล่าที่วัดแห่งหนึ่งอย่างละเอียดยิบตั้งแต่ประชวรจนถึงสิ้นลม
 พอคลิปออกมาพวกหมอในศิริราชที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันอยู่แล้วก็เสนอหน้าไปทูลฟ้องสมเด็จพระเทพฯซึ่งเป็นเรื่องปกติประจำวันของผู้คนในวังที่มีแต่เรื่องฟ้องเอาหน้ากันทั้งวัน,พอได้ยินพระเทพฯก็เกิดพระอารมณ์ขึ้นทรงกริ้วมาก,เพราะท่านเป็นคนจัดการเรื่องพระการประชวรของในหลวงทั้งหมดและทรงกำชับแล้วเรื่องการปิดข่าวพระอาการรวมถึงการสวรรคต
 ขบวนการเพ็ดทูลเสนอหน้าของเหล่าหมอพญาบาลที่ไม่ชอบขี้หน้าหมอนิพนธ์และแก่งแย่งตำแหน่งคนใกล้ชิดกันครั้งนี้เล่นเอาหมอนิพนธ์ทรุดเพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเว่อเรื่องเค็กวันเกิดหมา"คุณทองแดง"มาแล้ว,มาคราวนี้หมอนิพนธ์ถูกเรียกร้องให้ต้องแสดงความรับผิดชอบที่เล่าเรื่องวันสวรรคต แต่หมอนิพนธ์ก็ว่าอ้างมีคนอัดเทปไปออกสื่อเองโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวเลยและก็ไม่ได้เป็นคนปล่อยคลิปแต่พระเทพฯก็ยังทรงกริ้วไม่หาย,จะเอากฎหมาย112มาจัดการก็จะโด่งดังกลายเป็นคนใกล้ชิดต้องถูก112แบบหมอหยอง
 หมอนิพนธ์ได้โพสต์บอกชาวบ้านถึงบทเรียนการรับใช้เจ้ามีแต่อันตรายว่า"เป็นบทเรียนราคาแพงมากในชีวิตของหมอที่เข้ามาถวายงานมาด้วยความจงรักภักดีแต่ต้องมาเจอปัญหานี้ทั้งๆที่น่าจะไม่มีปัญหา"
 ทางด้านรองคณะบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้รับบทเสริมพระอารมณ์พระเทพโดยตัดสินใจตัดชื่อนายแพทย์นิพนธ์ออกจากรายชื่อผู้ที่จะไปร่วมพิธีพระบรมศพครบ15วันในคืนวันที่27ตุลาคม2559

หมอนิพนธ์ทราบเรื่องก็เจ็บปวดมากจนต้องออกมาคร่ำครวญโพสท์อีกครั้งว่า"เสียใจมากที่มีคนอัดคลิปคำพูดตนออกมาเล่าคงมีเจตนาร้ายกับตนแน่"
แต่ฝ่ายที่ไม่ชอบหมอนิพนธ์ก็บอกว่า"มีคนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าหมอนิพนธ์เองนั่นแหละสั่งให้ลูกน้องเป็นคนอัดเทปเอง
 ผู้ชมเหตุการณ์นี้ในโรงพยาบาลศิริราชบอกว่าไม่รู้จะเชื่อใครดี?
 แต่ที่แน่ๆคือหมอนิพนธ์คือตัวอย่างที่ดีของการรับใช้ใกล้ชิดในวัง,เมื่อเกิดเหตุทำให้เจ้านายไม่ชอบก็กลายเป็นหมาหัวเน่าทันทีและไม่มีใครกล้ามาช่วย มี่แต่ซ้ำเติม คนที่เคยชอบกันก็หันหลังให้

ก่อนจบข่าวก็ขอฝากบอกผู้คลั่งเจ้าทั้งหลายที่อยากเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไปเป็นบทเรียนแต่ถ้ายังชอบก็รีบๆไปสมัครเป็นผู้รับใช้ในวังเลยจะได้เรู้ว่า"นรกมีจริง"
-------------------------




วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข่าวหลายวงดนตรีประกาศขายกิจการ


วงดนตรีและเครื่องเสียงเจ๊งทั่วหน้าไม่เห็นอนาคตหลังจากพ่อหลวงตายจึงประกาศขายกิจการ,เพราะตอนท่านอยู่ก็ทำรัฐประหารพอท่านตายงานก็ยิ่งไม่มีเพราะห้ามเล่นดนตรีรื่นเริงกันอีกเป็นปี หลังจากพ่อหลวงแล้วก็คงมีแม่หลวงลูกหลวงตายตามอีกแน่ ที่แน่ๆชาวบ้านตายแน่ ประกาศขายกิจการกันดีกว่าพวกเรา









วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ศ. ศิวรักษ์เขียนถึงธานินทร์กรัยวิเชียร มีวันนี้เพราะเป็นหมอดู


คนคงไม่รู้ว่า ธานินทร์ กรัยวิเชียร เขาเป็นหมอดู เขาคงดูว่าตัวเขาจะได้เป็นประธานองคมนตรี เพราะถ้าไม่ใช่หมอดูแล้ว ตำแหน่งนี้ไม่เหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวง  เมื่อเขาเป็นนายกรัฐมนตรีหลัง ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙

เขาก็ปกครองบ้านเมืองอย่างเลวร้ายที่สุด ทั้งๆ ที่อ้างว่าตัวเขาเองเปรียบเหมือนหอยที่อยู่ในกระดอง คือมีกองทัพเป็นกระดอง  แต่แล้วกองทัพก็ทนเขาไม่ได้ จนถูกถอดออกจากตำแหน่ง  

พระเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตาจะตั้งให้เขาเป็นองคมนตรี  คุณชายคึกฤทธิ์ ปราโมช ไปหาอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ขอให้กราบบังคมทูลยับยั้งอย่าตั้งธานินทร์ เพราะคนๆ นี้ไพร่บ้านพลเมืองเกลียดชังกันเป็นอย่างยิ่ง  ถ้าเขาได้เป็นองคมนตรี จะเสียหายไปถึงองค์พระมหากษัตริย์  อาจารย์สัญญาบอกคุณชายคึกฤทธิ์ว่า ให้คุณชายทำหนังสือกราบบังคมทูลคัดค้านการตั้งแต่ธานินทร์ให้เป็นองคมนตรี  เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงนำเรื่องนี้มาหารือในคณะองคมนตรี  อาจารย์สัญญาจะสนับสนุนข้อเสนอแนะของคุณชายคึกฤทธิ์

แต่ที่ไหนได้ พอทรงรับหนังสือของคุณชายคึกฤทธิ์ก็โปรดเกล้าฯให้ธานินทร์เป็นองคมนตรีเลยทีเดียว  แม้ว่านั่นจะกระทบจิตใจของคนไทยที่รักอิสระ เสรีภาพ และรักประชาธิปไตย เพียงใดก็ตาม

บัดนี้ เปลี่ยนแผ่นดินไปแล้ว ยังยกย่องคนอย่างธานินทร์ กรัยวิเชียร กันอีก  แสดงว่าชนชั้นปกครองของไทย ไม่มีจิตสำนึกถึงราษฎรไทยที่ถูกปู้ยี้ปู้ย้ำมาเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ทั้งนั้นเลย  แล้วเราจะไปหวังอย่างไรได้กับพวก คสช. ที่จะถางทางให้เกิดเสรีประชาธิปไตยได้อย่างจริงจังในบ้านนี้เมืองนี้

ส. ศิวรักษ์
๒๑/๑๐/๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ข่าวลับ ข่าวลับกรองแล้ว 13ตุลาคม 2559 "ปู่เย็นตายล่วงหน้าแต่จะประกาศว่าตายจริง23 ตุลานี้"



***สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/

*ปู่โรงเย็นมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่จะให้ตายง่ายๆไม่ได้เพราะลูกหลานและขุนทหารยังจะต้องใช้ร่างและพระบารมีใส่สีตีไข่สืบต่ออำนาจเผด็จการอีกนานจึงเตรียมจัดการกำหนดวันตายให้ยิ่งใหญ่โดยอาศัยวันตายเสด็จปู่ร.5มหาราชมาใช้ให้ตรงกันคือจะประกาศวันตายเป็นทางการ23 ตุลา 59

*ใครจะซื้อหวยให้ตรงกับวันตายจริงยิ่งจะยุ่งเพราะถ้านับวันตายทางสมองที่เริ่มหมดสภาพนอนนิ่งเป็นมาตั้งแต่เดือนสิงหาปีนี้แต่ทางการแพทย์ที่ถือว่าตายคือสมองตาย100%เป็นวันที่9กันยา59,ข่าวภายในหลุดรอดออกมาตลาดหุ้นไทยจึงตกรูดมหาราชในเช้าวันนั้นและหลังจากนั้นเสี่ยก็ใช้การตายทางสมองจัดการยกเครื่องวังครั้งใหญ่มาตลอดจนถึงเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารวังที่เรียกว่าชุด"คณะปฏิวัติวัง"จากเดิมมี49คนแต่เสี่ยจับมือปู่เซนต์ตั้งใหม่ให้เหลือ9คนโดยมีชื่อจิรายุเป็นเลขาธิการเมื่อ23กันยา59

*หลายคนงงกับข่าวกรองที่ว่าเสี่ยไม่ชอบขี้หน้าจิรายุแล้วทำไมจึงให้มานั่งเป็นเลขาธิการใหญ่ในวังควบกับผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่ถือเป็นกองมหาสมบัติที่ทั้งเสี่ยและน้องเทพถ่างพร้อมบริวารถือเป็นเป้าหมายการช่วงชิง...สายข่าวรายงานมานานแล้วว่าเสี่ยกำลังทำพิธีปลดจิรายุแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่กระเพิ่ม...แล้วสุดท้ายก็เป็นจริงตามข่าวลับเมื่อวันที่10ตุลาหลังวันที่ปู่โรงเย็นช็อคหัวใจหยุดเต้นเพียงวันเดียวจิรายุก็มีหนังสือลาพักถาวรจากตำแหน่ง ผอ.สำนักงานทรัพย์สินฯ

*หนังสือลาพักงานของจิรายุพิมพ์อย่างประหยัดกระดาษโดยใช้กระดาษA4เพียงครึ่งแผ่นด้วยข้อความสั้นๆขอลาพักงานตั้งแต่วันที่10ตุลาแต่ดันไม่บอกว่าจะกลับมาทำงานเมื่อไร?แล้วก็มอบอำนาจให้รองผู้อำนวยการทำแทน...ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่าที่ต้องทำแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่กระเพิ่มไม่เหมือนกับกรณีของสายสกุลวัชโรทัยที่สั่งปลดและให้เข้าฝึกทหารตัดหัวเกรียนนั้นเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเงินๆทองๆเพราะถ้าทำตึงตังเดี๋ยวจะเบิกสตางค์ใช้ไม่ได้...แค่ทำเป็นหนังสือลาออกก็วุ่นแล้วเพราะ9ตุลาหมอดันเขียนแถลงการพระอาการว่าปู่โรงเย็นต้องหยุดงานลงนามอะไรไม่ได้แล้ว,ถ้าปล่อยให้เกิดน้ำกระเพิ่มเกิดจิรายุเซนต์ลาออกตรงไปตรงมาเห็นท่าจะยุ่งเพราะจะจับมือปู่เซนต์แต่งตั้งใครให้เป็นผู้อำนวยการทรัพย์สินคนใหม่ก็ไม่ได้,จะต้องรอเสี่ยขึ้นเป็นกษัตริย์เองแล้วเซนต์แต่งตั้งก็ยังไม่รู้จะเป็นได้เมื่อไร,แม้จะเห็นตำแหน่งไม่ไกลแต่ยังมีอุปสรรคอีกหลายขุมโดยเฉพาะชุมนุมโจรสี่เสาที่เฝ้าดักปล้นอยู่

*คณะกรรมการวัง9คนที่เสี่ยรีบแต่งตั้งในนามของปู่โรงเย็นโดยใช้ตราลายเซ็นต์ปู่ประทับนั้นใครเห็นก็เป็นที่รูกันว่าเป็นคณะปฏิวัติวังที่มีหัวหน้าคณะคือพลอากาศเอกสถิตย์พงษ์ สุขวิมล รองเลขาธิการพระราชวังเป็นหัวหน้าคณะตัวจริงทำการแทนเสี่ย และเลขาธิการคณะปฏิวัติวังคือพลตำรวจเอก จุมพล มั่นหมาย เพื่อนเลิฟเสี่ยโดยมอบหมายหน้าที่ฝ่ายคุมกำลังและอาวุธซึ่งตามประวัติศาสตร์ไม่เคยมีตำแหน่งนี้เลย  คือ"รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายความมั่นคง"

*คณะนี้ละที่จะเข้ามาจัดการปูทางให้เสี่ยขึ้นเป็นรัชกาลที่10ให้ราบรื่นโดยต้องประสานงานทั้งบู้ทั้งบุ้นลุ้นกันต่อไป

*อีกตำแหน่งที่สำคัญคือแพทย์ประจำพระองค์ปู่โรงเย็นคือนายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ ซึ่งถ้าใครรู้ประวัติก็จะไม่กล้าให้รักษาเพราะมีอายุ89ปีแก่กว่าคนไข้ที่นอนนิ่งอยู่ที่ศิริราชที่จะต้องมาดูแลเสียอีก...ปู่โรงเย็นถูกจับมือเซ็นต์ตั้งมาเพียงเพื่อให้ช่วยเซนต์ชื่อบอกคนไทยทีว่า"ปู่ตายแล้ว"เพราะเวลาปู่ตายไม่มีหมอคนใหนกล้าเซนต์ชื่อเพราะกลัวลูกหลงเหลืองคลั่งเจ้าจะกล่าวหาว่าทำให้ปู่ตายเพราะคณะแพทย์ถูกบังคับให้รายงานว่าปู่นอนอยู่ศิริราชแข็งแรงดีวันดีคืน

*แถลงการณ์ฉบับที่37เป็นเรื่องใหญ่ที่คณะแพทย์กว่าจะออกได้ต้องปล้ำปู่โรงเย็นต่อเนื่องยาวนานตลอด24ชั่วโมงตั้งแต่บ่าย2โมงของวันที่8จนถึงสว่างของวันรุ่งขึ้นและต้องคอยเฝ้าเก็บงานจนเหงื่อกาฬหมอแตกถึงบ่าย3โมงด้วยใจคอไม่ดีเพราะท่านได้แน่นิ่งเป็นผักสมบูรณ์แบบแล้วและสุดท้ายต่างมีความเห็นร่วมกันว่าต้องระบุเอาตัวรอดได้แล้วว่าปู่โรงเย็นหมดสภาพที่จะให้ใครแอบอ้างลายเซนต์นำไปโกหกโลกได้อีกต่อไปแล้วไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆคือ"งดพระราชกิจ"เพราะร่างของปู่ไม่ไหวติงนิ่งสนิทตั้งแต่เมื่อคืนวันที่9ตุลาและแจ้งให้ลูกหลานของปู่ได้ทราบทั่วกันว่าจะยื้อต่อไปให้มีลมหายใจนั้นก็ยากแสนยาก

*อาการระยะสุดท้ายของปู่นั้นทั้งนายกฯ,องคมนตรี,ผู้นำเหล่าทัพ,ตำรวจระดับสูงและเสี่ยต่างรู้ความจริงตรงกันหมดแต่ปิดไม่บอกประชาชนเพราะยังมีวาระซ่อนเล้น,ด้วยเหตุนี้จึงมีการกำหนดวางแผนล่วงหน้าว่าจะกำหนดวันตายเป็นช่วงสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาเพื่อให้ตรงกับวันตายของปู่ร.5เพราะถ้าปล่อยให้ตายจริงโดยหยุดลมหายใจใครก็รู้ว่าน่าจะตรงกับช่วงเวลา6ตุลาหรือ14ตุลาก็จะเป็นประเด็นหวาดผวาทางประวัติศาสตร์ว่าผีนักศึกษาประชาชนที่ปู่สั่งฆ่ามาทวงวิญญานปู่พอดี...เมื่อหลอกผีไม่ได้ก็ให้หลอกคนก็แล้วกันว่าท่านตายอย่างยิ่งใหญ่วันเดียวกับเสด็จปู่ร.5

*แล้ววันสิ้นลมก็ถึงก่อนเวลาจนได้จนแพทย์ก็หมดปัญญาเมื่อบ่ายของวันที่12ตุลาจนทุกคนต้องมากันที่ศิริราช,แต่เมื่อแผนการวางแล้วก็จำต้องใช้เทคนิคทางการแพทย์ดึงต่อไปอีก10วัน

*10วันทางการแพทย์พอดึงไหวแต่ทางการข่าวและทางการทหารชักจะยุ่ง,ด้วยเหตุนี้ผู้อำนวยการสำนักข่าวทั้งหลายจึงถูกเรียกประชุมลับกับนายกฯและเสี่ยขอให้ฟังการแถลงข่าวจากสำนักพระราชวังเท่านั้นพร้อมทั้งสั่งให้ไก่อูปากมอมออกมาปรามชาวบ้านห้ามฟังข่าวจากชาวเนทที่แพร่สะพัดจนรัฐคุมไม่อยู่

*10วันต่อจากนี้เห็นทีจะยุ่งพิลึกเพราะสายตำรวจเปิดข่าวนำว่าจะมีการก่อวินาศกรรมและมีการระดมกำลังเตรียมพร้อมกันทุกฝ่ายทั้งตำรวจต้องที่,ทหารรวมไปถึงต.ช.ด.

*เรื่องเตรียมพร้อมดูภายนอกเหมือนดีแต่ภายในกลายเป็นประกาศกฎอัยการศึกซ้อนอำนาจประยุทธ์ ณ.ม44อย่างลับๆส่วนใครจะซ้อนแผนใครคงต้องติดตามตาไม่กระพริบ

*10วันต่อไปนี้ที่ยุ่งที่สุดและโกหกใครไม่ได้อีกแล้วก็คือจะกล่าวอ้างลายเซนต์ของปู่ต่อไปอีกไม่ได้เพราะมันขายขี้หน้าเพราะที่ผ่านมาก็พอจะเอาสีข้างเข้าถูได้แต่นับจากแถลงการณ์ฉบับที่37และ38และข่าวอึกถึกครึกโครมว่าปูหยุดหายใจจนคนมากันแน่นศิริราชเห็นทีจะโกหกว่าลุกมาเซ็นต์ชื่อได้คงไม่ไหว,แต่ครั้นเสี่ยจะตั้งตัวเองเซนต์แทนก็ยังไม่ได้เพราะไม่ใช่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์,ตรงนี้ละเป็นเรื่องยุ่งเพราะเฒ่าเปรมมันร่างรัฐธรรมนูญให้อำนาจตัวมันเองไว้ในมาตรา20ให้มันเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฯโดยโอโตเมติค,ครั้นเสี่ยจะยอมตามกฎหมายรัฐธรรมนูญก็กลัวเฒ่าเปรมจะเชิดตำแหน่งรัชการที่10ไปถวายให้น้องสาว

*เรื่องยุ่งๆของวังยังไม่หมดไม่สิ้นไปง่ายๆเพราะปู่โรงเย็นแท้ๆที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมแก้ปัญหาขณะที่ยังแข็งแรงและถืออำนาจจนนาทีสุดท้ายตายไปกับตัว,แถมยังให้ท้ายเฒ่าเปรมเข้าทำนองสุภาษิตไทย"เห็นขี้ดีกว่าใส้"ขี้มันจึงปั่นให้ลูกในใส้ต้องตีกันจนจะต้องพังกันไปทั้งคู่...แล้วสปท.จะเจาะติดข่าวนำมาเล่าต่อไป...จบ//