14พฤศจิกายน2557
เรื่องขอให้ตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อยุติข่าวลืออันไม่เป็นมงคล
ข้าพเจ้าได้ติดตามพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยความห่วงใยในพระอาการและพระราชกรณียกิจที่พระองค์มีต่อบ้านเมืองมาโดยตลอดเช่นเดียวกับพสกนิกรทั่วไปและเห็นว่าการปกปิดพระอาการประชวรที่เป็นจริงที่คณะองคมนตรีกระทำอยู่ขณะนี้ไม่เพียงแต่เป็นการมิบังควรแต่ยังเป็นการสร้างความสงสัยเคลือบแคลงใจในวัตถุประสงค์ของคณะองคมนตรีที่นำไปสู่ข่าวลือเกี่ยวกับความแตกแยกในพระบรมมหาราชวังเรื่องการสืบราชสมบัติระหว่างสมเด็จพระบรมฯและสมเด็จพระเทพฯที่ประธานองคมนตรีพลเอกเปรมกำลังกระทำการฝ่าฝืนราชประเพณีและกฎมณเฑียรบาลที่เกิดขึ้นแพร่ไปทั้งแผ่นดินกลายเป็นเรื่องน่าเชื่อมากยิ่งขึ้นและยิ่งรุนแรงขึ้นซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองเลย
การเสด็จฯมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราชครั้งล่าสุดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 3ตุลาคม นั้นไม่ใช่เป็นการตรวจพระอาการปกติตามที่คณะแพทย์แถลงแต่เกิดจากพระอาการพระทัยหยุดฉับพลัน(ช็อค) และไม่รู้พระวรกายแล้วในขณะนั้นส่วนการอักเสบของอวัยวะส่วนต่างๆที่เกิดขึ้นมากมายอย่างกระทันหันทำให้คณะแพทย์ต้องถวายการผ่าตัดอย่างฉุกเฉินหลายครั้งตามแถลงการฉบับที่1ถึงฉบับที่9ทั้งๆที่พึ่งเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราชนั้นหากเป็นภาวะปกติก็แสดงว่าคณะแพทย์ถวายการตรวจมีความพกพร่องอย่างยิ่งซึ่งแท้จริงควรจะแถลงให้พสกนิกรทราบว่าเป็นภาวะความผิดปกติของพระวรกายอันเป็นผลจากการเจริญพระชนมายุของพระองค์และเป็นผลโดยตรงจากพระทัยหยุดฉับพลันและขณะนี้ไม่อาจจะปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นปกติได้แล้วเนื่องจากไม่อาจจะกำหนดเวลาได้ว่าพระองค์จะทรงรู้พระวรกายในช่วงเวลาใดแต่ปรากฏว่าแทนที่คณะองคมนตรีและคณะแพทย์ที่ถวายการรักษาควรจะให้พระองค์ท่านประทับผักผ่อนพระวรกายก็กลับกระทำการอันไม่บังควรโดยนำพระองค์เสด็จลงมาในวันลอยกระทงโดยเปิดเผยพระวรกายในภาวะการประชวรที่ต้องมีพระภูษาปกปิดพระวรกายส่วนล่างต่อสาธารณะชนโดยมิได้มีการถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ์จากคณะองคมนตรีและฝ่ายบริหารด้วยนั้นก็เป็นการไม่บังควรอย่างยิ่งซึ่งความเป็นจริงเป็นเพราะผู้ใกล้ชิดพระองค์กระทำการอย่างไม่มีหมายกำหนดการและเร่งกระทำการในขณะที่พระองค์ทรงรู้พระวรกายในระยะสั้นๆเพียงเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งของคนบางคนอันไม่บังควรอย่างยิ่งซึ่งมีการกล่าวตำหนิกันในพระบรมมหาราชวังในหมู่ข้าราชบริพารด้วยความห่วงใยในพระพลานามัยของพระองค์และล่าสุดเมื่อวันที่11พฤศจิกายนข่าวภายในราชสำนักก็รับทราบว่านายแพทย์ผู้ถวายการรักษาท่านหนึ่ง(ขอปกปิดนาม)ก็ได้เข้าพบองคมนตรีชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเพื่อบอกความจริงของพระอาการก่อนที่จะมีแถลงการฉบับที่9ที่ยืนยันเป็นทางการว่าพระปรอท(คืออาการไข้)สูงๆต่ำๆและหายพระทัยเร็วช้าไม่เป็นปกติแต่ในตอนท้ายแถลงการณ์ก็กลับสรุปว่าพระอาการดีขึ้นอยู่เรื่อยๆ
เพื่อเป็นการถวายความจงรักภักดีเพื่อให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญก่อนที่พระองค์จะเสด็จผ่านภิภพขอพสกนิกรทั้งหลายร่วมเรียกร้องให้คณะองคมนตรีประชุมเพื่อตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชซึ่งเป็นองค์รัชทายาทที่จะทรงสืบราชสมบัติตามกฎมณเฑียรบาลขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและลบล้างข้อครหานินทาที่พสกนิกรมีต่อพลเอกเปรมและคณะองคมนตรีที่เกิดขึ้นทั้งแผ่นดินเพื่อสร้างความสามัคคีของคนในชาติและนำความร่มเย็นกลับคืนสู่แผ่นดินไทยต่อไปโดยทันที
ขอพระองค์ทรงพระเจริญด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ
นายประเทือง เกียรติราช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น