วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

แดงเสรีชน สหพันธรัฐสยาม และ จตุพร พรหมพันธ์



ศิวา มหายุทธ์
มีนาคม 2558
           
ปฏิบัติการของกลุ่มที่เรียกตนเอง(หรือถูกเรียก)ว่า แดงเสรีชน ที่พยายามจะวางระเบิดที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อค่ำวันที่ 7 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา จนกระทั่งนำไปสู่การจับกุมกลุ่มบุคคลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ”อ้างว่า” เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง และเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดงอื่นๆ สะท้อนพัฒนาการของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนสยามต่อกลุ่มเครือข่ายราชสำนักและกลุ่มเผด็จการอำมาตยาธิปไตย หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ดังต่อไปนี้

1)     ผู้รักประชาธิปไตยในขบวนแถวคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ที่อยู่นอกสังกัดของ นปช.(แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) ได้ยอมรับว่า ทางเลือกของสังคมสยามในอนาคตคือการเป็นสหพันธรัฐ ซึ่งแหวกกรอบแนวคิดในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแบบจารีตเดิมที่วางอยู่บนรากฐานของรัฐเดี่ยวรวมศูนย์มาตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
2)     คนกลุ่มหนึ่งพบว่า การจัดตั้งเพื่อปฏิบัติการด้วยตนเองนอกร่มเงาและอิทธิพลการชี้นำของทักษิณ ชินวัตร เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า โดยถือว่า นปช.เป็นเพียงแค่แนวร่วมประชาธิปไตยเท่านั้น
3)     คนกลุ่มที่ลงมือปฏิบัติการนี้ มีการจัดตั้งของตนเองอย่างเป็นอิสระ และยอมรับว่า แนวทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนั้น ไม่ได้มีแค่แนวทางเดียว แต่สามารถทำได้หลายเวทีอย่างยืดหยุ่น ทั้งการชุมนุมบนท้องถนน การต่อสู้ในเวทีรัฐสภา การต่อสู้ในพื้นที่สื่อ การตั้งกองกำลังเพื่อให้ความรุนแรง และการต่อสู้ในเวทีระหว่างประเทศ

ข้อเท็จจริงอย่างที่ทราบกันดีทั่วไปคือ ปฏิบัติการทางทหารของกลุ่มจัดตั้งดังกล่าว (ด้วยเจตนา โฆษณาติดอาวุธ) ประสบความล้มเหลว และถูกอำนาจรัฐจับกุมพร้อมกับดำเนินการขยายผล เพื่อกวาดล้างต่อไป เป็นความผิดพลาดทางด้านยุทธการ แต่กลับถูกประณามอย่างเหยียดยามโดยแกนนำของ นปช. นายจตุพร พรหมพันธ์

นายจตุพร (ตามมาด้วยการดาหน้าขานรับของแกนนำ นปช.อื่นๆ ผ่านทางช่อง PEACE TV ทีวีดาวเทียม อย่างเพลิดเพลินในการตีฝีปาก เพื่อรอวันเวลาจัดการชุมนุนมบนท้องถนนในอนาคตที่ไม่มีกำหนดชัดเจน) นอกจากปฏิเสธการเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มดังกล่าวแล้ว ยังระบุเลยว่า “ผมชอบคำของพล.อ.ประยุทธ์ที่ว่าคนบึ้มโง่ คนจ้างนี่โง่กว่า ผมเห็นด้วยจริง ๆครับ และขอต่อให้ด้วยว่าโง่บัดซบจริงๆ ที่มาที่ไปอธิบายอะไรไม่ได้มีเพียงผู้ก่อการมีความเชื่อทางการเมืองในรูปแบบสหพันธรัฐและพยายามผูกโยงไปถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข”

พร้อมกันนั้น นายจตุพร ยังย้ำชัดเจนว่า นปช.มีจุดยืนชัดว่าจะต่อสู้ในแนวทางสันติเท่านั้น ไม่เอาด้วยกับวิธีรุนแรง เพราะไม่เคยเชื่อว่า แนวทางอื่นจะถูกต้อง และจะไม่ทำงานสกปรกใต้ดิน  “เรายืนยันมาโดยตลอดว่า เรายืนยันการปกครองในระบอบเดียวเท่านั้น คือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ท่าทีของนายจตุพร บอกชัดว่า เขาได้ 1)สถาปนาตนเองเป็นผู้ผูกขาดความถูกต้องในการนำของคนเสื้อแดงไว้เฉพาะแกนนำนปช.เท่านั้น 2) เขายืนหยัดว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เท่านั้นเป็นระบอบเดียวของสังคมสยามที่ นปช.ยึดมั่น  3) ไม่ยอมรับแนวทางอื่นใดในการต่อสู้ นอกจากแนวทางการชุมนุมทางการเมืองบนท้องถนน หรือ “ลัทธิชุมนุม”ที่พวกเขาถนัดเพียงอย่างเดียว โดยมีสื่อโทรทัศน์ส่วนตัวของกลุ่มแกนนำที่ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุนการเมืองของทักษิณ ชินวัตรเสริมในฐานะเครื่องมือเท่านั้น แนวทางต่อสู้อื่นล้วนเป็น งานสกปรก และ”โง่บัดซบ” พร้อมจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย 4) เขายึดมั่นว่า นปช.คือแกนนำเบ็ดเสร็จของคนเสื้อแดง ที่ต่อสู้เพื่อผู้นำเดี่ยวอย่างทักษิณ ชินวัตร ที่มีพฤติกรรม”สู้ไป กราบไป”ตลอดหลายปีมานี้

ท่าทีดังกล่าว ถือเป็นการผูกขาดการนำของขบวนแถวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยไม่สนใจการสร้างแนวร่วมกับกลุ่มจัดตั้งอื่นๆ ไม่ใส่ใจกับการทบทวนบทบาทของ นปช.ในหลายปีที่ผ่านมาว่า ไม่เคยประสบความสำเร็จมากมาย และยัง”พาคนไปตาย”จำนวนมาก โดยไม่สามารถทำให้พลังประชาธิปไตยรุกคืบไปเอาชนะพลังเผด็จการได้แม้แต่น้อย

ท่าทีของนายจตุพร สมควรได้รับการก่นประณามอย่างถึงที่สุด เพราะนอกจากคิดจะเอาตัวรอดถ่ายเดียวโดยไม่รับผิดชอบต่อมวลชนที่ร่วมขบวนการต่อสู้เดียวกัน แต่ต่างแนวทางเท่านั้น หากยังแสดงท่าทีสมยอมเป็นแนวร่วมมุมกลับของเผด็จการสมคบคิดอำมาตยาธิปไตย และเครือข่ายราชสำนักอย่างหมดเปลือก

หลายเดือนที่ผ่านมา นายจตุพร และแกนนำ นปช. ได้พยายามเผยแพร่ข้อเสนอประหลาดของพรรคเพื่อไทยว่าด้วย ”แกล้งตายชั่วคราว” หรือ “ความอยู่ในความสงบ ให้ศัตรูทำลายตัวเอง คือ การตอบโต้ที่เจ็บปวด” เพื่ออำพรางพฤติกรรมแบบนักฉวยโอกาสของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เคยคิดจะใส่ใจกับความทุกข์ทรมานของมวลชนที่ถูกจำกัดเสรีภาพภายไต้อุ้งเท้าเผด็จการ เว้นแต่ในกรณีที่อำนาจเผด็จการสุมหัวเล่นงานเครือข่ายของทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเท่านั้น

การร่วมขบวนของเผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างข้อกล่าวหา ขบวนการต่อสู้นอกแนวทาง นปช. จึงเป็นพฤติกรรมที่เป็นเผด็จการในตัวเอง และเป็นแนวร่วมเผด็จการอย่างแท้จริง ถอยห่างออกจากการเป็นแนวร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างสังคมสยามที่ยุติธรรม เสรีภาพ เสมอภาค และกระจายอำนาจในอนาคต

กลุ่มปฏิบัติการปาระเบิดที่ศาลอาญา ซึ่งเรียกตนเองว่า แดงเสรีชน ได้ยอมรับว่า เป้าหมายการจัดตั้งของพวกเขาคือ การปกครองแบบสหพันธรัฐ  และประชาธิปไตยประชาชน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้มีการเผยแพร่สู่มวลชนคนเสื้อแดงมานานหลายปีแล้ว พร้อมกับได้กำหนดยุทธศาสตร์ "เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ" ประสานกับแดงเสรีชนในต่างประเทศ ก้าวสู่เป้าหมายการสร้างระบอบใหม่ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

แนวทางของกลุ่ม แดงเสรีชน นี้ สอดคล้องกับแนวทางสหพันธรัฐแบบสวิส ของ ศิวา มหายุทธ์ ที่นำเสนอไปไม่นานมานี้ และศิวะ รณยุทธ์(ที่นำเสนอเมื่อหลายปีก่อน) ที่มองเห็นว่าแนวทางดังกล่าว เป็นประโยชน์และให้คำตอบที่เหมาะสมพร้อมกัน 2 ด้านคือ 1) การจัดรูปขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในยุทธศาสตร์และยุทธวิธี  2) หลังจากขบวนการประชาธิปไตยได้รับชัยชนะแล้ว สร้างรัฐที่อำนวยให้เกิดบูรณาการของประชาธิปไตยได้ยั่งยืน

          ในทางยุทธศาสตร์ แนวทางแดงเสรีชน ถือว่าเดินทางถูกต้องและมีความก้าวหน้าในการยกระดับกระบวนทัศน์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย สมควรได้รับการยกย่อง และศึกษา ในขณะที่การใช้กำลังเพื่อปฏิบัติการทางทหารก็เป็นยุทธวิธีและยุทธการที่พวกเขาได้เลือกแล้วว่าจะมีความเหมาะสมกับกลุ่มจัดตั้งของตนเอง

          ความผิดพลาดในปฏิบัติการที่ศาลอาญา จนกระทั่งถูกจับกุม และอาจจะถูกอำนาจรัฐกวาดล้างอย่างขยายผล เป็นเส้นทางปกติของการต่อสู้กับอำนาจรัฐเผด็จการที่จะต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้อย่างลองผิดลองถูก

          ความล้มเหลวในปฏิบัติการ (อาจเกิดจากความอ่อนด้อยทางด้านประสบการณ์ หรือความผิดพลาดอื่น) ไม่ใช่ความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ และไม่ใช่สิ่งที่ควรก่นประณาม โดยคนกลุ่มที่อ้างเสมอว่า อยู่ในขบวนแถวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

          การแยกแยะจิตใจต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในแนวทางที่เห็นว่าเหมาะสมของกลุ่มจัดตั้งในแนวร่วมต่อสู้ กับความสำเร็จหรือล้มเหลวในปฏิบัติการต่อสู้ เป็นสิ่งที่พึงกระทำ เพราะไม่เช่นนั้น ความล้มเหลวของ นปช. ในการชุมนุมเพื่อยับยั้งการรัฐประหาร นำมวลชนด้วยลัทธิชุมนุมแล้วพาคนไปล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยไม่ผลิดอกออกผลอะไรเลย ก็สมควรถูกประณามว่า”โง่บัดซบ”เช่นเดียวกัน

          หากนายจตุพร มีจิตสำนึกและมีความเป็นผู้นำมากเพียงพอ จะต้องตระหนักดีว่า ในหลายปีมานี้ กลุ่มคนที่ร่วมขบวนแถวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่มีแนวทางอื่นๆ ไม่เคยตั้งข้อกล่าวหาการนำของแกนนำ นปช.แม้แต่น้อยว่า “โง่บัดซบ” เพื่อเห็นแก่ขบวนการต่อสู้ การกระทำของนายจตุพรที่ตั้งข้อกล่าวหากลุ่มอื่นซึ่งไม่เดินจามรอยลัทธิชุมนุมของ นปช. จึงเข้าข่าย”โงบัดซบ”ได้เช่นกัน 
          แดงเสรีชน อาจจะถูกกวาดล้าง หรือ จับกุมคุมขัง หรือ เสียชีวิต  หรือไม่ประสบความสำเร็จในเป้าหมาย แต่พวกเขา ซึ่งไม่เคยกล่าวประณามกลุ่มจัดตั้งอื่นในขบวนแถวต่อสู้ที่มีแนวทางต่างกัน ถือได้ว่า เป็นกลุ่มบุคคลที่มีจิตใจเยี่ยงวีรชน ซึ่งพลีตนเพื่อขบวนการประชาธิปไตย สมควรที่กลุ่มจัดตั้งในขบวนแถวต่อสู้อื่นๆ จะทำการยกย่องอย่างแท้จริง

          ท้ายที่สุด แนวทางสร้างสหพันธรัฐ ของพวกเขา จะได้รับการขานรับจากมวลชนอื่นๆ(รวมทั้งผู้เขียน)ที่ไม่ได้อยู่ในขบวนจัดตั้งเดียวกัน สานต่อเจตนารมณ์ "เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ"อย่างเอาจริงเอาจัง


          ในขณะกลุ่มคนซึ่งแอบอ้างตนเป็นผู้ผูกขาดการนำ โดยยึดติดกับลัทธิชุมนุมอย่างเดียวที่ฉวยโอกาส  นับวันที่จะโดดเดี่ยวตนเอง และถูกมวลชนที่ตาสว่างทอดทิ้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น