วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

จากอ.สุรชัย ถึงโกตี๋ ด้วยความรัก


ด้วยความห่วงใย โกตี๋ และ ลุงสนามหลวง
.
ถ้าไม่เป็นข่าวใหญ่และโกตี๋พูดถึงผมในทางลบ ผมก็จะไม่พูดถึงหรือเขียนถึงโกตี๋เพราะไม่ต้องการทะเลาะด้วย เนื่องจากเคยดีกันมาก่อนและไม่เคยคิดว่าเป็นศัตรูกัน ถึงจะโจมตีอย่างไรก็ไม่ถือสา กลับเวทนาสงสารในความคิดพล่านหาเงินหาทองเพื่อความอยู่รอด จนเข้าตาจนเวลานี้
.
ผมรู้จักโกตี๋เมื่อออกจากคุกในเดือน ต.ค.2556 จากการเชิญไปที่สถานีวิทยุเพื่อจัดบายศรีสู่ขวัญต้อนรับสู่อิสระภาพ ต่อมาได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีและร่วมจัดรายการวิทยุบางเวลา จนสุดท้ายช่วยดูแลสถานีวิทยุเมื่อโกตี๋หลบหนีคดี ม.112 จนต้องปิดสถานีวิทยุเมื่อมีการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557
.
เมื่อหนีออกนอกประเทศผมไปที่ไหนโกตี๋ตามไปที่นั่น ขอเงินขอทองจากผู้สนับสนุนบอกว่าจะดูแลผมแต่จริงๆ กลายเป็นผมดูแลโกตี๋มากกว่าก็ไม่ว่าอะไรกัน เพราะผมก็ได้รับการสนับสนุนมากกว่าและต้องดูแลคนอื่นๆ อีกหลายคนด้วย 
.
แต่สุดท้ายที่โกตี๋โกรธผมก็เพราะ จะขอเอาชื่อผมไปจัดทัวร์หาเงิน แต่ผมบอกว่าไม่ได้เพราะเจ้าของประเทศที่เราอาศัยเขาอยู่เขาไม่ยอม และผมจะอันตรายถูกอุ้มได้ถ้าออกจากที่ตั้ง
.
เท่านี้เองที่ทำให้โกตี๋โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปรวมหัวกับพวกประเภท "ริษยา" ประกาศเป็นศัตรูกับผมตั้งแต่นั้นมา แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะความเป็นผู้อาวุโส ไม่ควรลดระดับตัวเองไปทะเลาะด้วย และมีเกียรติมีศักดิ์ศรีที่จะไม่ให้ร้ายผู้อื่น
.
เมื่อการจัดทัวร์ไม่สำเร็จโกตี๋กับพวกก็ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และคิดว่าจะเป็นการยกระดับกลุ่มตน จึงได้ประกาศจัดตั้งกองกำลังอาวุธเพื่อต่อสู้ให้ประเทศไทยเปลี่ยนเป็นสหพันธรัฐ และถึงขั้นขู่ฆ่าผู้นำประเทศจนเป็นข่าวโด่งดังทำให้รัฐบาลไทยกดดัน
.
ปรากฎว่าการจะเปลี่ยนประเทศเป็นสหพันธรัฐ ก็ได้รับการสนับสนุนเงินทองมากมายพอสมควรและมีพวกเราบางคน "แดงสยาม" แนะนำผมว่าควรเอาแนวทางโกตี๋และลุงสนามหลวงเพราะมีคนชอบมาก เดี๋ยวมวลชน "แดงสยาม" จะทิ้งไปอยู่ข้างนั้นหมด
.
ผมไม่ขอตอบโต้แต่อย่างใดเพียงรู้สึกเป็นห่วง เพราะการต่อสู้แบบสะใจโก๋หรือวูบวาบแบบไม่มีทฤษฎีเช่นนี้ไม่นานก็หายวับ ประเภท "เตมูจิน" หรือ "พิราบขาว" เป็นตัวอย่าง
.
และการออกมาขู่ฆ่าท้าทายเขาเช่นนั้นเท่ากับทำตัวเป็นเหยื่อล่อ "ไอ้เข้" ซึ่งในที่สุดก็ถูกงับเข้าจนได้ พวกเรามีบทเรียนมาแล้วตอนที่มีการประกาศว่า "มีอะไรให้มาที่หน้าศาลากลาง" แล้วมีบางคนต่อท้ายด้วยความคึกคะนองอีกว่า "ให้พกน้ำมันไปคนละขวด" สุดท้ายเข้าทางเขา
.
กรณีโกตี๋และพวกก็เช่นกันเป็นประเภท "ปลาหมอตายเพราะปาก" เป็นกบฎน้ำลาย ก็อยู่ด้วยกันมาทำไมจะไม่รู้ว่า..มีศักยภาพแค่ไหน ขี้โม้เพื่อหาแดกจากพวกซาดิส เพื่อรับการสนับสนุนเท่านั้นเอง อยู่กันแค่ 5-6 คนไม่มีกองกำลังที่ไหนหรอก พวกที่ถูกจับก็ไม่ใช่ แล้วที่ว่าส่งคนไปป่วนที่วัดพระธรรมกายก็ไม่มีหรอก 
.
ส่วนปืนเท่าที่ผมทราบ (ตอนดูแลสถานี) มีปืนลูกซองเก่าๆ เอาไว้เฝ้าสถานีวิทยุกระบอกเดียว ตอนที่ผมหลบออกมาก็บอกให้คนเฝ้าเอาออกจากสถานีพร้อมของมีค่าอื่นๆ ปล่อยให้ทหารยึดอย่าต้าน จึงไม่แน่ใจว่าที่ตั้งโชว์ออกสื่อนั้นเป็นของใครกันแน่ 
.
สุดท้ายก็ขอให้โกตี๋ และ ลุงสนามหลวงโปรดทบทวนตัวเองด้วยและขอให้ปลอดภัยทุกคน เรายังเป็นพวกเดียวกัน อย่าแปลกแยกกัน ถ้าเขียนถึงประโยคใดข้อใดไม่สบอารมณ์ก็ขออภัยด้วย 
.
.
สุรชัย แซ่ด่าน
21 มีนาคม 2560

1 ความคิดเห็น:

  1. อ.ควรต่อสายคุยกับลุงสนามหลวงหรือโกตี๋ครับ คุยกับ อ.ชด้วยก็ได้ พูดกับสาธารณะ ไม่มีประโยชน์กับใครครับ ผิดถูก อย่างไรจะได้ชดใช้ ให้อภัย หรือแก้ใขกันไป

    ตอบลบ