วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2558

แถลงการณ์ อปท.เรียกร้ององค์การจัดตั้งทางประชาธิปไตยต่างๆที่ปิดลับในประเทศไทยให้สนับสนุนการประชุมสมัชชาประชาชนฯที่ลาสเวกัส,สหรัฐอเมริกาเมื่อ6กันยายน58และศึกษาแนวทางการขับเคลื่อนอย่างเป็นเอกภาพ



------------------------
แถลงการณ์  องค์การเพื่อประชาธิปไตยไทย (อปท.) 
เรื่อง ร่วมกันสร้างองค์กรแนวร่วมเพื่อประชาธิปไตย

          สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย ได้ก้าวมาถึงจุดที่ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐปล้นชิงอำนาจอธิปไตยทั้งหมดไปจากประชาชน เพื่อสถาปนารัฐราชาธิปไตยใหม่ที่มีอำนาจสูงสุดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว เป็นการพลิกฟื้นการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางมหาสมบัติพัสถานที่ได้มาจากการใช้อำนาจเหนือรัฐกดขี่ขูดรีดรีดไถและปล้นชิงตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

          การรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยเฉพาะ 2 ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2549 และ 2557 นั้น เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในการปล้นชิงอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน  โดยไม่สนใจว่าชาวโลกได้พัฒนาการเมืองการปกครองไปอย่างไรหรือถึงไหนกันแล้ว  แต่ทำไปเพื่อสนองความต้องการส่วนตัว เพื่อความราบรื่นในการแก้ปัญหาการแย่งชิงอำนาจและราชสมบัติของลูก ๆ เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบร้ายแรงและกว้างขวางที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติและประชาชนที่ต้องดิ้นรนอย่างลำบากยากแค้นจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำสุดขีดอันเนื่องจากการรัฐประหารภายใต้การบงการอย่างที่เป็นอยู่ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่อัปลักษณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ขณะนี้ก็เผยให้เห็นถึงความต้องการสถาปนารัฐราชาธิปไตยขึ้นมาใหม่อย่างเป็นรูปธรรม
          ขณะที่ทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐกำลังรวบอำนาจทั้งหมดไว้แต่ผู้เดียวและเร่งพลิกฟื้นรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมานั้น ก็ได้กดขี่ข่มเหงทางการเมืองและใช้ความรุนแรงกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง  ไม่ว่าการล้อมฆ่าด้วยอาวุธสงครามกลางเมืองหลวง ไล่ล่า ข่มขู่ ควบคุม และจับกุมคุมขังผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมากทั้งในเมืองและชนบท บ้างก็พิพากษาจำคุกหลายสิบปียิ่งกว่านักโทษอุกฉกรรจ์ ทำให้ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยบางส่วนตัองหลบลี้หนีราชภัยพลัดบ้านพลัดถิ่นไปอยู่แดนไกล  รวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง การปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง เป็นต้น
          ท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนี้ ได้ปลุกเร้าให้ประชาชนภาคส่วนต่าง ๆ ลุกขึ้นต่อสู้อย่างต่อเนื่องทั้งกลุ่มเยาวชนที่กล้าหาญ ญาติวีรชนผู้รักประชาธิปไตย ฯลฯ ได้เกิดการจัดตั้งกลุ่มพลังและองค์กรต่าง ๆ ที่ต่อสู้ในรูปแบบหลากหลายทั้งเปิดเผยและปิดลับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้สื่อโซเชียลเน็ตเวอร์คต่าง ๆ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมร้อยสื่อสารถึงกัน เกิดเป็นแนวรบ 4 เขตยุทธศาสตร์สำคัญคือ ในเมือง ชนบท ต่างประเทศ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ในโลกไซเบอร์ ซึ่งกำลังขยายตัวทั้งปริมาณและคุณภาพ ถาโถมโรมรันพันตูกับทุนผูกขาดศักดินาเหนือรัฐอย่างคึกคัก
          อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ที่ผ่านมา ยังขาดความเป็นเอกภาพ มีสภาพต่างคนต่างสู้ กระจัดกระจาย และต้องปรับตัวตามสภาพการณ์ใหม่จากที่เคยมีประชาธิปไตยกลายเป็นเผด็จการทหาร จากที่เคยมีสิทธิเสรีภาพกลายเป็นการถูกปิดกั้น จากที่เคยเคลื่อนไหวเป็นขบวนการใหญ่ได้อย่างเปิดเผยกลายเป็นต้องรวมตัวกันแบบปิดลับ จากที่เคยเคลื่อนไหวต่อสู้ได้ภายในประเทศกลายเป็นต้องต่อสู้ด้วยความจำกัดในต่างประเทศ  จากที่เคยหวังว่าจะสามารถต่อสู้ได้ภายใต้การเลือกตั้งตามวิถีทางรัฐสภาและประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองประชาชนจะค่อย ๆ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยกลายเป็นต้องเผชิญหน้ากับอนาคตที่มืดมนภายใต้ระบอบเผด็จการราชาธิปไตย เป็นต้น
          ผ่านความยากลำบากในการปรับตัวมาระยะหนึ่ง นักต่อสู้และกลุ่มพลังต่าง ๆ ก็สามารถรับรู้ถึงจุดอ่อนจุดแข็งในด้านต่าง ๆ ของตนและเพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์ ซึ่งกลุ่มพลังใดกลุ่มพลังหนึ่งยังไม่เข้มแข็งพอที่จะนำพาการต่อสู้เพื่อสถาปนาระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาได้โดยลำพังในขณะนี้ จำเป็นต้องเชื่อมประสานกันอย่างมีรูปการณ์ในรูปของกระบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่กว้างขวางและทรงพลัง
          การประชุมสมัชชาประชาชนเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในประเทศไทย ที่ลาสเวกัส มลรัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่องค์กรและผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลาย ได้มาหารือเพื่อกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวต่อสู้ในอนาคต
          องค์การเพื่อประชาธิปไตยไทย (อปท.) เป็นอีกองค์กรหนึ่งซึ่งมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับระบอบเผด็จการราชาธิปไตยและสร้างประชาธิปไตยของประชาชน โดยใช้รูปการจัดตั้งแบบปิดลับที่เข้มแข็งทุกภาคทั่วประเทศ ขอแถลงการณ์สนับสนุนการประชุมครั้งนี้อย่างเต็มที่ และหวังว่า มิตรสหายผู้ร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตยจากองค์กรต่าง ๆ จะสามัคคีร่วมใจกันก่อตั้ง "แนวร่วมผู้รักประชาธิปไตยไทย" ขึ้นมาเป็นองค์กรนำพาการต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ

          เผด็จการราชาธิปไตย จงพินาศ !
          ระบอบประชาธิปไตยของประชาชน จะต้องได้ชัยชนะ !

                            6 กันยายน 2558
------------------------

ฟังเอนกซานฟรานท่านกล่าวจบ
รู้ระบบเลวร้ายทำไทยหมอง
กษัตริย์ไทยคือหัวใจไม่ปรองดอง
การปกครองประชาธิปไตยไปไม่เป็น

-------กวีศรีมหาชน-------
        10กันยา58

*ครั้งแรกที่คนไทยกล้าประกาศกลางที่สาธารณะท่ามกลางเสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหว
https://m.youtube.com/watch?feature=youtu.be&v=08wkwa8A_54







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น