*หลักฐานที่รู้กันมานานแล้วว่ารัชกาลที่9เป็นกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลกติดต่อกันมานานกว่า5ปีจากการรายงานของนิตยสารฟอฟ์ฟและเป็นเจ้าของโรงแรมดังระดับโลกเคมปินสกี้(Kempinski)ขณะนี้มีหลักฐานยืนยันแล้วว่าได้ตัดสินใจขายโรงแรมนี้ให้แก่นายกรัฐมนตรีบาห์เรนเจ้าชายคาลิฟะบินซาลแมน อัล คาลิฟา ซึ่งมีมูลค่าการขายกว่า40,000ล้านบาท
*ประเด็นที่ควรพิจารณาเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่ยังไม่มีการพูดถึงเลยคือในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยกำลังตกต่ำและในหลวงกำลังใกล้สิ้นพระชนม์เช่นนี้มีประเด็นปัญหาที่น่าพิจารณาว่า
(1)จะมีการเสียภาษีเงินได้เข้ารัฐหรือไม่?
(2)เป็นการขายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของใครที่เป็นผู้บริหารจัดการเพราะเป็นช่วงเวลาที่ในหลวงรัชกาลที่9ในฐานะเจ้าของทรัพย์ไม่อยู่ในสภาพที่รับรู้ปัญหาได้และไม่อาจจะได้รับประโยชน์จากการขายดังกล่าว?
(3)เงินจำนวนนี้จะถูกซ่อนเก็บไว้ในที่ใด?ในประเทศหรือต่างประเทศ?และเป็นเรื่องที่คนไทยควรรู้เพราะการกระทำเช่นนี้สภาหรือรัฐบาลคสช.ที่อ้างว่ายืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนควรจะต้องวางกฎเกณฑ์และป้องกันไม่ให้มีการแอบอ้างในหลวงเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเองโดยมิชอบของคนในราชสำนักและเหตุการณ์เช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นอีกโดยมีการปกปิดไม่ให้ประชาชนรู้
โปรดดูหลักฐานการติดต่อซื้อขายดังต่อไปนี้
*หลักฐานข่าวที่เฟชบุ๊คของคุณดวงจำปาสเปนเซอร์ไอเซนเบร์ก(Doungchampa Spencer-Isenberg)พร้อมภาพประกอบ https://goo.gl/nXferM
*เว็บไซต์ ZAWYA ของบริษัท Thomson Reuters (เครือเดียวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส)รายงานว่าพระมหากษัตริย์ไทยจะขายหุ้นโรงแรมเคมปินสกี้ให้กับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน,ตัวรายงานข่าว(ภาพประกอบแรก) ดูที่
http://goo.gl/Arouo0
*สำหรับการถือหุ้นเครือโรงแรมเคมปินสกี้ท่านสามารถหารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์เครือโรงแรมเคมปินสกี้ (https://www.kempinski.com/en/hotels/about-us/history/) หลักฐานยืนยันว่าในปี 2547(2004)พระมหากษัตริย์ของไทยได้เข้าถือหุ้นใหญ่ของเครือโรงแรมนี้ (ดูภาพประกอบที่สอง)
*ประเด็นที่ควรพิจารณาเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่ยังไม่มีการพูดถึงเลยคือในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยกำลังตกต่ำและในหลวงกำลังใกล้สิ้นพระชนม์เช่นนี้มีประเด็นปัญหาที่น่าพิจารณาว่า
(1)จะมีการเสียภาษีเงินได้เข้ารัฐหรือไม่?
(2)เป็นการขายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของใครที่เป็นผู้บริหารจัดการเพราะเป็นช่วงเวลาที่ในหลวงรัชกาลที่9ในฐานะเจ้าของทรัพย์ไม่อยู่ในสภาพที่รับรู้ปัญหาได้และไม่อาจจะได้รับประโยชน์จากการขายดังกล่าว?
(3)เงินจำนวนนี้จะถูกซ่อนเก็บไว้ในที่ใด?ในประเทศหรือต่างประเทศ?และเป็นเรื่องที่คนไทยควรรู้เพราะการกระทำเช่นนี้สภาหรือรัฐบาลคสช.ที่อ้างว่ายืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนควรจะต้องวางกฎเกณฑ์และป้องกันไม่ให้มีการแอบอ้างในหลวงเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเองโดยมิชอบของคนในราชสำนักและเหตุการณ์เช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นอีกโดยมีการปกปิดไม่ให้ประชาชนรู้
โปรดดูหลักฐานการติดต่อซื้อขายดังต่อไปนี้
*หลักฐานข่าวที่เฟชบุ๊คของคุณดวงจำปาสเปนเซอร์ไอเซนเบร์ก(Doungchampa Spencer-Isenberg)พร้อมภาพประกอบ https://goo.gl/nXferM
*เว็บไซต์ ZAWYA ของบริษัท Thomson Reuters (เครือเดียวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส)รายงานว่าพระมหากษัตริย์ไทยจะขายหุ้นโรงแรมเคมปินสกี้ให้กับนายกรัฐมนตรีบาห์เรน,ตัวรายงานข่าว(ภาพประกอบแรก) ดูที่
http://goo.gl/Arouo0
*สำหรับการถือหุ้นเครือโรงแรมเคมปินสกี้ท่านสามารถหารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์เครือโรงแรมเคมปินสกี้ (https://www.kempinski.com/en/hotels/about-us/history/) หลักฐานยืนยันว่าในปี 2547(2004)พระมหากษัตริย์ของไทยได้เข้าถือหุ้นใหญ่ของเครือโรงแรมนี้ (ดูภาพประกอบที่สอง)